345 SE Amp

[createhouse]

วงจร และ ภาคจ่ายไฟ





หลอดที่ใช้ในงานนี้ครับ 180 Arcturus , ER-112A Raytheon , CX-345 Cunningham



 OPT > Tamradio F-475 น้องนุชสุดท้องของค่ายนี้



 หม้อจุดไส้หลอดพาวเวอร์วางติดฐานยึดซ็อกเก็ตใต้แท่น



 ชุดซี filter ที่ใช้ในงานนี้ครับ 4uF GE *2 + Jensen 100+100uF / 500v



พ่นสีหม้อทั้งหมดแล้ว เหลือเก็บงานติดตั้งตำแหน่งพักสายนิดหน่อยพรุ่งนี้น่าจะเริ่มงาน wiring ได้แล้วครับ



lay out



       เปลี่ยนแผนนิดหน่อยจากเดิมคิดว่าจะใช้ซีโพลี่เป็นซีตัวแรกในภาคจ่ายไฟ แต่มาคิดดูกลัวว่าจะสูญเสียความอิ่มของเสียงไป เลยต้องพลิกแผนมาใช้ ซีออยส์แทน โดยผมเลือกใช้ตัวเล็กขนาด 4 uF มาขนานกันแทน แต่มีปัญหาที่ต้องให้แก้เล็กน้อยเดิมทีพื้นที่ตรงนี้ใช้สำหรับวางหม้อจุดไส้หลอด 45 เลยต้องย้ายไปขี่ที่ opt แทนโดยสร้างแท่นยึดแนวนอนเพื่อที่ได้ไม่สูงเกินแท่นครับ



      ปัญหาที่สองคือ ซีที่ใช้เป็นทรงวงรีไม่มีเข็มขัดขายแน่นอนในบ้านเรา มีสองวิธีที่ผมนิยมทำคือ เจาะแท่นเท่ากับตัวซีแล้วใช้ขอบของตัวซีขัดกับตัวแท่นแล้วใช้น็อตล็อคไว้กับแท่นครับ กับ อีกแบบที่ผมทำ คือเจาะรูเฉพาะให้ขั้วซีลงไปในแท่น แล้วทำแผ่นกดด้านบนยึดกับแท่นครับ โดยผมจะฝังพุ๊กไว้กับไม้แล้วยิงน็อตจากใต้แท่นขึ้นมายึดแผ่นกดซีไว้ครับ





     แท่นเสร็จเรียบร้อยแล้วครับเหลือรอให้สีเซ็ทตัวแห้งสนิทดี คราวนี้ใช้สี silver metallic เคลือบ 2K ว่าจะประกอบวันนี้เลยต้องทิ้งไว้วันสองวันเพราะเป็นแลคเกอร์แห้งช้ายิ่งไม่มีแดดด้วย

 

 แผ่นกดซียึดติดกับแท่นใช้ไม้ ซีบร้า ลบมุมเพื่อดูนุ่มขึ้น

 

เริ่มประกอบอุปกรณ์ลงแท่น











 ลงอุปกรณ์หมดแล้วพร้อมที่ wiring ครับ



 ตรวจเช็คและเก็บรายละเอียดขั้นสุดท้ายก่อนจะ wiring





 ประกบข้างด้วย อคิลิค 10 มม. 2 ชั้น แล้วปะผิวด้วยอลูมิเนียมหนา 2 มิล ทำ hair line surface เคลือบอคิลิคกันความชื้น







  เริ่มต้นงาน wiring ด้วยการวางตำแหน่งของ กราวด์บัส ซึ่งผมเองให้ความสำคัญในการวางค่อนข้างมากเพราะ บัสจะเป็นตัวกำกับรูปแบบการ hw ในสไตล์ของผมครับ

[createhouse]

บางคนไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร โดยเฉพาะคนที่เริ่มเดิน hw ครั้งแรก สำหรับผมสายเส้นแรกที่ลงคือ กราวด์บัส ทำไมหรือ ก็เพราะว่า ผมจะใช้กราวด์บัสเป็นตัวกำหนดรูปแบบในการจัดวางอุปกรณ์ซึ่งปกติผมมักจะใช้การต่อแบบขาชนขา ไม่ค่อยจะใช้ที่พักสาย เดี๋ยวนี้มีที่พักสายดีๆ สวยๆ มาให้เลือกใช้มากมาย ก็จะทำให้การจัดวางอุปกรณ์ทำได้ง่าย และ สะดวกขึ้นมาก ทำให้งานออกมา สวย และ มีระเบียบ  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราจัดวางรูปแบบ เบื้องต้นก็คงต้องขีดๆ เขียนๆลงบนกระดาษคร่าวๆดูก่อนเพื่อนดูทิศทางการเดิน รวมถึงการหันซ็อกเก็ตเพื่อที่จะรับสาย จะทำให้ภาพรวมออกมาดูดีมากขึ้นครับ  ถ้าแบบนึกไปทำไป ก็มักจะออกมาแบบกองๆ ก้อนๆ แม้จะพยายามจัดให้เป็นระเบียบแล้วก็ตามมันก็ยังดูแล้วไม่สบายตาอยู่ดีครับ  มาดูกันดีกว่า วางสายเส้นแรกของผมครับ กราวด์บัส เลือก สาย single solid core หรือ สายแกนเดี่ยวนั่นแหละ เลือกโตๆหน่อย แล้วเสียงอันไม่พึงประสงค์จะไม่มาถามหาครับ ในรูปผมเลือกใช้ ลวดเบอร์ 16 AWG gold plate ที่สั่งทำมาเพื่อใช้งานของตัวเองโดยเฉพาะ
 
 

ภาคจ่ายไฟสูง และ จุดไส้หลอด ractifier ใช้ Acorlink 1.8 mm. ทั้งหมดครับ






  จ่ายไฟเข้า SW. & PT  ครับ  [happy-dreaming]







ชุดไฟจุดไส้หลอด ภาค drive





ลักษณะการเดินสายของผมจะแบ่งสายออกเป็นชุดๆเพื่อที่จะสะดวกในการจัดการ และ แก้ไขครับ ตอนนี้ก็มาถึงโค้งสุดท้าย คือจ่ายไฟเข้าชุด พาวเวอร์ และ OPT

Single stage driver 112A







 ภาคจ่ายไฟ



 output



 เสร็จในส่วนของงาน wiring คราวนี้ก็มาตรวจสอบไฟ

 


       

 

 

     DHT ไม่เคยทำให้ผู้ทำแอมป์ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์อะไรก็ตาม  ใครที่ชื่อชอบหลอดที่ร้องเพลงเสียงหวานๆ ฉอเลาะหน่อย ไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับเบอร์นี้ #45  แม้วัตต์จะน้อยไปนิดประมาณ 2 วัตต์ แต่ถ้าลำโพงไม่ใช่อุปสรรค ผมรับรองเลยว่าท่านต้องชื่นชอบ และ หลงใหลในหลอดเบอร์นี้ นี่เป็นเครื่องที่ 3 สำหรับผมแล้วแต่ก็ยังอยากที่จะทำอีกถ้ามีโอกาส  สำหรับเครื่องนี้เป็นการเอาบทเรียนที่เคยได้ทำมาแล้วสองเครื่องกับงานแก้ของคนอื่นอีก 4-5 เครื่อง พื้นเสียงเดิมของ 45 นั้นดีอยู่แล้วแต่ผมอยากได้เสียงที่อิ่ม และ อบอุ่นแบบ 2A3 ใคร่จะเอา 2A3 มา drive อีกก็เกรงว่าจะดังออกไปนอกเว็บ เลยเลือกตัวสำรองที่ผมชื่นชอบในน้ำเสียงไม่แพ้กัน และ เคยใช้ทำปรีมาแล้วที่ในลายเซ็นต์ของผม มาแก้ทางเพื่อให้เสียงที่วอร์มและ อบอุ่นขึ้น แต่ยังคงความสดใสระริกแต่พองาม  ไม่น่าจะมีอะไรตกหล่นแล้ว เดี๋ยวเจอกันอีกครั้งใน Ref. II เมื่อได้หม้อไฟตัวจริงมาครับ นี่ไปหยิบหม้อปรีมาใช้ได้ไฟมาใช้งานแค่ 265 V ที่เพลท / bias 25-26 mA.  โดยเฉพาะหม้อจุดไส้ดูแล้วมันขัดตาชะมัดดันไฟหล่นซะอีกมีไฟมาจุดแค่ 1.2-0-1.2V เหลือเจอกันครับ


THE END [smile--heart--watermelon]